.

.

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

การขออนุญาตผลิตภัณฑ์อาหาร (ขอเครื่องหมาย อย.)



            “อาหาร” ในพระราชบัญญัติอาหาร พ.. 2522  หมายถึง วัตถุทุกชนิดที่คนกิน  ดื่ม หรือนำเข้าสู่ร่างการ  แต่    ไม่รวมถึงยา  วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท  หรือยาเสพติดให้โทษ  นอกจากนี้อาหารยังรวมถึงวัตถุที่ใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตอาหาร  วัตถุเจือปนอาหาร  สี  เครื่องปรุงแต่งกลิ่นรสด้วย
                ปัจจุบันนี้ประชาชนในท้องถิ่นต่าง ๆ ได้รวมตัวกันเป็นชมรมหรือสหกรณ์  นำวัตถุดิบที่ได้จากการเกษตรและการเลี้ยงสัตว์มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปเพื่อบริโภคหรือจำหน่ายเป็นการช่วยลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้ เช่น  เครื่องดื่มทำจากผลไม้ท้องถิ่น  เครื่องดื่มจากสมุนไพร  กะปิ  น้ำปลา  ขนมหวาน  อาหารขบเคี้ยว  เป็นต้น  ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะต้องสะอาด  ปลอดภัย  และมีคุณภาพหรือมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด  ผู้ผลิตอาจต้องขออนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมายก่อนที่  จะผลิตเพื่อจำหน่ายต่อไป
                อนึ่ง ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตเพื่อจำหน่ายมีจำนวนหนึ่งที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่คาบเกี่ยวหรือก้ำกึ่งว่าจะเป็นยาหรืออาหาร  เพื่อป้องกันความสับสนในเรื่องนี้  สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาจึงกำหนดแนวทางในการพิจารณาว่า ผลิตภัณฑ์ใดที่ จัดเป็นอาหาร  ต้องมีลักษณะดังนี้
1.       มีส่วนประกอบเป็นวัตถุที่มีในตำราที่รัฐมนตรีประกาศตามพระราชบัญญัติยาและโดยสภาพของวัตถุนั้นเป็น  ได้ทั้งยาและอาหาร
2.       มีข้อบ่งใช้เป็นอาหาร
3.       ปริมาณการใช้ไม่ถึงขนาดที่ใช้ในการป้องกันหรือบำบัดรักษาโรค
4.       การแสดงข้อความในฉลากและการโฆษณาอาหารที่ผสมสมุนไพรซึ่งไม่จัดเป็นยานั้นต้องไม่มีการแสดง สรรพคุณเป็นยากล่าวคือป้องกัน บรรเทา บำบัด  หรือรักษาโรคต่าง ๆ

การแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร

                อาหารแบ่งตามลักษณะการขออนุญาตผลิต  ออกเป็น กลุ่มคือ
1.       กลุ่มอาหารที่ไม่ต้องมีเครื่องหมาย อย.
อาหารกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่เป็นอาหารที่ไม่แปรรูปหรือถ้าแปรรูปก็จะใช้กระบวนการผลิตง่าย ๆ ในชุมชน        ผู้บริโภคจะต้องนำมาปรุงหรือผ่านความร้อนก่อนบริโภค  อาหารกลุ่มนี้ผู้ผลิตที่มีสถานที่ผลิตไม่เข้าข่าย   โรงงาน (ใช้อุปกรณ์หรือเครื่องจักรต่ำกว่า แรงม้า หรือคนงานน้อยกว่า 7คน)  สามารถผลิตจำหน่ายได้โดยไม่ต้องมาขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด      แต่ต้องแสดงฉลากอาหารที่ถูกต้องไว้ด้วย
2.       กลุ่มอาหารที่ต้องมีเครื่องหมาย อย.
อาหารกลุ่มนี้เป็นอาหารที่มีการแปรรูปเป็นอาหารกึ่งสำเร็จรูปหรืออาหารสำเร็จรูปแล้ว  ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อผู้บริโภคในระดับต่ำ  ปานกลางหรือสูง  แล้วแต่กรณี ได้แก่ อาหารที่ต้องมีฉลาก  อาหารกำหนดคุณภาพหรือมาตรฐาน  หรืออาหารควบคุมเฉพาะ  ดังนั้น จึงจำเป็นต้องขออนุญาตสถานที่ผลิตอาหารและขอขึ้นทะเบียนตำรับอาหาร  หรือจดทะเบียนอาหาร  หรือแจ้ง
รายละเอียดของอาหารแต่ละชนิดแล้วแต่กรณี  ได้ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา                               หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด
กลุ่มอาหารที่ไม่ต้องมีเครื่องหมาย อย.
                อาหารกลุ่มนี้ ผู้ผลิตไม่ต้องขออนุญาตผลิตภัณฑ์  แต่ต้องแสดงฉลากตามที่กฎหมายกำหนด  นอกจากนี้หากสถานที่ผลิตเข้าข่ายโรงงานก็ต้องขออนุญาตตั้งโรงงานด้วย ดังนี้

กลุ่มและชนิดของอาหาร

เอกสารที่ใช้ในการขออนุญาต
q       ผลิตภัณฑ์จากพืช
ข้าวกล้องธัญพืชต่าง ๆ งา
เมล็ดถั่วแห้งพริกแห้ง,
ข้าวเกรียบ (ไม่ทอด),
ธัญพืชชนิดบด/ผงพริกป่น
q       ผลิตภัณฑ์จากสัตว์
ปลาแห้งกุ้งแห้งรังนกแห้ง,
ไข่เค็มดิบกะปิปลาร้าผง/ดิบ,
ปลาส้มน้ำบูดูน้ำผึ้ง (ที่ผลิตจากสถานที่ผลิตไม่เป็นโรงงาน)




q       อื่น ๆ
เกลือบริโภค (เกลือป่น)
1.       กรณีสถานที่ผลิตเข้าข่ายโรงงาน  จะต้องยื่นขอตั้ง
โรงงานผลิตอาหาร  พร้อมหลักฐานตามที่ได้กำหนดไว้ เพื่อขอรับใบอนุญาตผลิตอาหาร  ถ้าไม่เข้าข่ายโรงงานไม่ต้องยื่นขอ

2.  ตัวผลิตภัณฑ์ไม่ต้องขอ อยแต่ต้องแสดงฉลาก  ซึ่งข้อความในฉลากต้องแสดงชื่ออาหาร น้ำหนักสุทธิ (ของแข็งผง)  หรือปริมาตรสุทธิ (ของเหลวเป็นระบบเมตริก (เช่น กรัม กิโลกรัม ลูกบาศก์เซ็นติเมตร) (หรือ ซม.3 หรือ ลบ.ซมลิตร  มิลลิลิตร(หรือ มล.)  ชื่อและที่ตั้งของสถานที่ผลิต โดยมีคำว่า ผลิตโดย” นำหน้าและวันเดือนปีที่ผลิต หรือหมดอายุ หรือควรบริโภคก่อนตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 194) ..2543 เรื่องฉลากอาหาร
3.  กรณีเกลือบริโภคไม่ต้องขอ อยแต่ต้องผลิตให้ได้มาตรฐานตามที่กำหนดไว้  ในประกาศในกระทรวง
สาธารณสุขและต้องแสดงฉลาก

กลุ่มอาหารที่ต้องมีเครื่องหมาย อย.
                กลุ่มอาหารที่ต้องมีเครื่องหมาย อยแต่ไม่ต้องส่งตัวอย่างอาหารตรวจวิเคราะห์
                อาหารกลุ่มนี้ได้แก่  อาหารที่ต้องมีฉลากที่รัฐมนตรีมิได้กำหนดให้ส่งมอบฉลาก  ผู้ผลิตจะต้องขออนุญาตสถานที่ผลิตอาหารและผลิตภัณฑ์ต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดโดยใช้เอกสารและหลักฐานในการยื่นขออนุญาตดังนี้

กลุ่มและชนิดของอาหาร

เอกสารที่ใช้ในการขออนุญาต
·       เครื่องปรุงรสและน้ำจิ้ม เช่น
เต้าเจี้ยวน้ำสลัดซอสน้ำมันหอย,
น้ำจิ้มสุกี้น้ำจิ้มไก่น้ำจิ้มปลาหมึกน้ำเกลือปรุงอาหาร
·       น้ำพริกที่สำเร็จรูปที่รับประทานได้ทันที เช่น
น้ำพริกเผาน้ำพริกนรกน้ำพริกสวรรค์น้ำพริกปลาย่างปลาร้าทรงเครื่อง/แจ่วบอง
·       ผลิตภัณฑ์จากผลไม้
เช่น กล้วยตากกล้วย/สาเก/ขนุน/ทุเรียนทอด/อบกรอบกล้วยสับปะรด/ทุเรียน/มะขาม/ขนุนกวน,มะม่วง/มะขาม/ฝรั่ง/มะกอก/มะยมดอง/มะม่วง/มะกรูด/มะขาม/บอระเพ็ดแช่อิ่ม,ชมพู่/มะยม/ฝรั่ง/
มะเฟื่อง/มะม่วงหยี,ลูกหยี/มะขามคลุกน้ำตาล,ส้มแผ่น/ส้มลิ้ม,มะพร้าว/มะขาม/มะนาวดองแก้ว
·       ผลิตภัณฑ์จากสัตว์
เช่น ไส้กรอกแหนม หมูยอลูกชิ้น,กุนเชียงเนื้อสวรรค์ปลาแผ่นหมูแผ่นหมูหยองหมูทุบปลากรอบปรุงรสปลาหมึกอบกรอบไข่เค็ม
ต้มสุก
·       ขนมและอาหารขบเคี้ยว
เช่น ทองหยิบทองหยอดทองม้วน,ขนมหม้อแกงขนมปังปอนด์บิสกิต,คุกกี้ข้าวเกรียบทอดเมี่ยงคำถั่วทอด ฯลฯ

·       กรณีสถานที่ผลิตเข้าข่ายโรงงาน  จะต้องยื่นขอตั้ง
โรงงานผลิตอาหาร  พร้อมหลักฐานตามที่ได้กำหนดไว้  กรณีที่ได้รับใบอนุญาตผลิตอาหารแล้วให้ยื่นสำเนาใบอนุญาตผลิตอาหาร จำนวน ฉบับ หรือ
·     กรณีสถานที่ผลิตไม่เข้าข่ายโรงงาน  ต้องยื่นคำขอ
รับเลขสถานที่ผลิตอาหาร จำนวน ฉบับ พร้อมหลักฐานที่กำหนดไว้  กรณีที่ได้รับเลขสถานที่ผลิตอาหารแล้วให้ยื่นสำเนาคำขอรับเลขสถานที่ผลิตอาหาร จำนวน ฉบับ และ
·       การรับเลขสารบบอาหาร (หรือเลข อย.) ของ
อาหารแต่ละชนิด  จะต้องยื่นแจ้งรายละเอียดของอาหารภายหลังการยื่นขออนุญาตตั้งโรงงานผลิตอาหารหรือยื่นคำขอรับเลขสถานที่ผลิตอาหารโดยยื่นใบจดทะเบียนอาหาร/แจ้งรายละเอียดอาหาร จำนวน ฉบับ  โดยให้เขียนเครื่องหมาย 3” เลือกใน o ขอแจ้งรายละเอียดอาหาร”  และเลือกว่าเป็นอาหารที่ผลิตในกรอบข้อความว่า o ผลิต” พร้อมลงชื่อให้คำรับรองท้าย

กลุ่มและชนิดของอาหาร

เอกสารที่ใช้ในการขออนุญาต
·       ลูกอมและทอฟฟี่
เช่น ลูกอมรสนมลูกอมรสมะขามทอฟฟี่รสนมทอฟฟี่รสมะพร้าว
·       ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มที่ ที่มีวัตถุกันชื้นหรือสารดูดออกซิเจนในภาชนะบรรจุ


                กลุ่มอาหารที่ต้องมีเครื่องหมาย อยและรายงานผลการตรวจวิเคราะห์อาหารไว้ให้ตรวจสอบ
            อาหารกลุ่มนี้ได้แก่ อาหารกำหนดคุณภาพหรือมาตรฐานที่รัฐมนตรีมิได้กำหนดให้ส่งมอบฉลาก  แต่กฎหมายกำหนดในเรื่องคุณภาพหรือมาตรฐานของอาหารแต่ละประเภทไว้ให้ยื่นขออนุญาตผลิตต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.)  โดยใช้เอกสารและหลักฐานในการยื่นของอนุญาต ดังนี้

กลุ่มและชนิดของอาหาร

เอกสารที่ใช้ในการขออนุญาต
อาหารกำหนดคุณภาพหรือมาตรฐาน
·       น้ำส้มสายชู
·       น้ำมันสำหรับปรุงอาหาร
เช่น น้ำมันหมู  น้ำมันงา  น้ำมันมะพร้าว  น้ำมันปาล์ม
·       น้ำแร่ ตามธรรมชาติ
·       ไข่เยี่ยวม้า
·       กาแฟ ชนิดคั่วเมล็ด/ผงสำเร็จรูป/ปรุงสำเร็จ
·       ชา ชนิดชาใบ/ผงสำเร็จรูป/ปรุงสำเร็จ
·       น้ำพริกแกง

เช่น น้ำพริกแกงส้ม  น้ำพริกแกงเผ็ด

น้ำพริกแกงเขียวหวาน
·       เครื่องปรุงรส
เช่น ซอสมะเขือเทศ  ซอสพริก น้ำปลา ผลิตภัณฑ์ปรุงรสที่ได้จาการย่อยโปรตีนของถั่วเหลือง (ได้แก่ ซีอิ้วหรือ
·       กรณีสถานที่ผลิตเข้าข่ายโรงงาน ต้องยื่นคำขอตั้งโรงงานผลิตอาหาร จำนวน ฉบับ  พร้อมหลักฐานที่กำหนดไว้  กรณีที่ได้รับใบอนุญาตผลิตอาหารแล้วให้ยื่นสำเนาใบอนุญาตผลิตอาหาร จำนวน ฉบับ หรือ
·       กรณีสถานที่ผลิตไม่เข้าข่ายโรงงาน  ต้องยื่นคำขอรับเลขสถานที่ผลิตอาหาร จำนวน ฉบับ  พร้อมหลักฐานที่กำหนดไว้  กรณีที่ได้รับเลขสถานที่ผลิตอาหารแล้ว ให้ยื่นสำเนาคำขอรับเลขสถานที่ผลิตอาหาร จำนวน ฉบับ และ
·       การรับเลขสารบบอาหาร (หรือเลข อย.) ของอาหารแต่ละชนิด  จะต้องยื่นจดทะเบียนอาหารภายหลังการยื่นขออนุญาตตั้งโรงงานผลิตอาหาร  หรือยื่นคำขอรับเลขสถานที่ผลิตอาหาร โดยยื่นใบจดทะเบียนอาหาร/แจ้งรายละเอียดอาหาร จำนวน 2 ฉบับ  โดยให้เขียนเครื่องหมาย 4” เลือกใน  o ขอจดทะเบียนอาหาร  และเลือกว่าเป็นอาหารที่ผลิตในกรอบข้อความว่า o ผลิต  พร้อมลงชื่อให้คำรับรอง

กลุ่มและชนิดของอาหาร

เอกสารที่ใช้ในการขออนุญาต
ซอสถั่วเหลือง  ซอสปรุงรส)
·       แยม เยลลี่ และมาร์มาเลด


            กลุ่มอาหารที่ต้องมีเครื่องหมาย อย.  และต้องส่งตัวอย่างอาหารตรวจวิเคราะห์
          อาหารกลุ่มนี้ได้แก่  อาหารควบคุมเฉพาะกฎหมายจะกำหนดคุณภาพมาตรฐานเอาไว้ผู้ผลิตจะต้องส่งตัวอย่าง วิเคราะห์ตามที่กฎหมายกำหนด  และนำผลวิเคราะห์มาประกอบการยื่นขออนุญาตผลิตต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)  หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.)  โดยใช้เอกสารและหลักฐานในการยื่นขออนุญาดังนี้

กลุ่มและชนิดของอาหาร

เอกสารที่ใช้ในการขออนุญาต

อาหารควบคุมเฉพาะ

·       เครื่องดื่มชนิดน้ำและผง  ที่ทำจากพืช/ผัก/ผลไม้/สมุนไพร/ธัญพืช/ถั่วเมล็ดแห้งน้ำตาลสดเครื่องดื่มรังนก,กาแฟถั่วเหลือง
·       อาหารในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท
เช่น อาหารกระป๋อง  อาหารบรรจุขวดแก้วที่ฝามียางรองด้านใน อาหารที่บรรจุกล่อง/ซอง/ถุงอลูมิเนียมฟอยล์ที่ปิดผนึก
·       นมและผลิตภัณฑ์นม
เช่น นมโค  นมปรุงแต่ง  นมเปรี้ยว  ไอศกรีม เนยแข็ง เนย
·       น้ำดื่ม/น้ำบริโภคในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท
·       น้ำแข็งชนิดซอง/ก้อน

·       กรณีสถานที่ผลิตเข้าข่ายโรงงาน  ต้องยื่นดังนี้
1.      คำขอตั้งโรงงานผลิตอาหาร จำนวน ฉบับ  หากได้รับอนุญาตแล้ว  ให้ยื่นสำเนาใบอนุญาตผลิตอาหาร จำนวน ฉบับ พร้อมหลักฐานที่กำหนด
2.       คำขอขึ้นทะเบียนตำรับอาหาร จำนวน ฉบับ
3.       รายงานผลการตรวจวิเคราะห์ (ฉบับจริงพร้อมสำเนา อายุไม่เกิน ปีจำนวน ชุด
4.       ฉลากอาหาร จำนวน ชุด
·       กรณีสถานที่ผลิตไม่เข้าข่ายโรงงาน  ต้องยื่นดังนี้
1.      คำขอรับเลขสถานที่ผลิตอาหาร จำนวน ฉบับ พร้อมหลักฐานที่กำหนด  กรณีที่ได้รับเลขสถานที่ผลิตอาหารแล้ว ให้ยื่นสำเนาคำขอรับเลขสถานที่ผลิตอาหารจำนวน ฉบับ
2.       คำขออนุญาตให้ฉลากอาหาร จำนวน ฉบับ
3.       รายงานผลการตรวจวิเคราะห์ (ฉบับจริงพร้อมสำเนาอายุไม่เกิน ปี)
4.       ฉลากอาหาร ชุด

ความรู้ทั่วไปการจัดตั้งบริษัทใน 7 ขั้นตอน



ผู้ประกอบการมือใหม่หลายๆคน มักคิดว่าการดำเนินการจัดตั้งบริษัทด้วยตนเองนั้นเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและยุ่งยากเกินความสามารถ จึงเลือกที่จะไปว่าจ้างบริษัทหรือบุคคลที่มีความรู้เฉพาะทางมาดำเนินการแทน ทั้งที่จริงๆแล้วขั้นตอนการจัดตั้งบริษัทนั้นก็ไม่ได้มีวิธีที่ซับซ้อนแต่อย่างใด และถ้าหากท่านสามารถดำเนินการเองได้ก็จะสามารถลดค่าใช้จ่ายในส่วนของการว่าจ้างไปได้อีกด้วย การจัดตั้งบริษัทจะไม่เป็นเรื่องยากอีกต่อไปหากปฏิบัติตาม 7 ขั้นตอน ดังต่อไปนี้

หลังจากวันที่ 1 กรกฎาคม 2551 ผู้เริ่มก่อการสามารถจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิและจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทพร้อมกันภายในวันเดียวกันได้
ขั้นแรกผู้เริ่มก่อการจัดตั้งบริษัทต้องคิดชื่อบริษัทขึ้นมาเพื่อใช้ในการจอง ซึ่งชื่อที่ตั้งมานั้นต้องไม่พ้องหรือคล้ายคลึงกับบริษัทซึ่งจดทะเบียนไปแล้ว
การจองนั้นจะเปิดให้จองได้ 3 ชื่อ โดยนายทะเบียนจะพิจารณาชื่อตามลำดับจากแรกไปท้าย ดังนั้นท่านต้องเอาชื่อที่อยากได้ที่สุดไว้อันดับแรก จากนั้นก็ไปลงทะเบียนจองชื่อ โดยทำได้สองวิธีด้วยกัน คือ
  1. ยื่นแบบจองชื่อต่อนายทะเบียนด้วยตนเอง ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าในเขตที่ท่านอาศัยอยู่ หรือถ้าเป็นต่างจังหวัดก็ให้ไปที่สำนักงานพาณิชย์ประจำจังหวัด
  2. จองผ่านอินเตอร์เน็ต โดยกรอกข้อมูลที่ www.dbd.go.th ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเอง
เมื่อนายทะเบียนพิจารณาแล้วเห็นว่าชื่อดังกล่าวไม่ขัดกับข้อกำหนด ก็จะแจ้งกลับมาว่ารับจองชื่อแล้ว จากนั้นก็จะเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป

หนังสือบริคณห์สนธิ คือ หนังสือที่แสดงเจตน์จำนงในการขอจัดตั้งบริษัท เนื้อความในหนังสือจะประกอบไปด้วย ชื่อบริษัทที่จองไว้ (โดยมีคำว่า “บริษัท” นำหน้า และคำว่า “จำกัด” ต่อท้าย) ที่อยู่ วัตถุประสงค์ จำนวนทุน จำนวนหุ้น ราคาหุ้น (ขั้นต่ำหุ้นละ 5 บาท) และข้อมูลผู้เริ่มก่อการจัดตั้งบริษัท ซึ่งจำนวนผู้ก่อการนี้กฎหมายบังคับว่าต้องมีอย่างน้อย 3 คน
การยื่นหนังสือบริคณห์สนธิจะต้องทำภายใน 30 วัน นับจากวันที่มีนายทะเบียนแจ้งรับจองชื่อ หากผู้เริ่มก่อการเกิดชะล่าใจจนเลยกำหนดก็จะต้องเสียเวลาดำเนินการใหม่ตั้งแต่ต้น

ผู้เริ่มก่อการแต่ละคนอาจซื้อหุ้นมากน้อยต่างกัน แต่ทุกคนจะต้องมีอย่างน้อยคนละหนึ่งหุ้น นอกจากนี้ผู้ที่มาซื้อหุ้นนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เริ่มก่อการเสมอไป แต่อาจเป็นบุคคลอื่นที่สนใจอยากเข้าร่วมธุรกิจดังกล่าวก็ได้ 
เมื่อมีผู้ตกลงซื้อหุ้นของบริษัทจนครบแล้ว ก็จะมีการออกหนังสือนัดจัดการประชุมผู้ถือหุ้นทั้งหมด ซึ่งวันที่นัดประชุมนั้นจะต้องห่างจากวันที่ออกหนังสืออย่างน้อย 7 วัน

หากดำเนินการด้วยตนเองก็จะยิ่งใช้เวลาน้อยลงไปอีกเพราะไม่ต้องเสียเวลาติดต่อประสานงานกับบริษัทว่าจ้างจัดตั้งบริษัท
ในการประชุมจะต้องมีผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนผู้เข้าชื่อทั้งหมด (สามารถมอบฉันทะได้) และนับจำนวนหุ้นรวมกันแล้วไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของหุ้นทั้งหมด ซึ่งวาระในการประชุมจะประกอบด้วย
  1. ทำความตกลงตั้งข้อบังคับของบริษัท
  2. เลือกตั้งกรรมการและกำหนดอำนาจกรรมการ
  3. เลือกผู้สอบบัญชีรับอนุญาตเพื่อตรวจสอบและรับรองงบการเงิน (บริษัทต้องแต่งตั้งบุคคลธรรมดาเท่านั้น จะแต่งตั้งสำนักงานตรวจสอบบัญชีไม่ได้)
  4. รับรองสัญญาที่ผู้เริมก่อการทำขึ้นก่อนที่บริษัทจะจัดตั้ง เพราะผู้ริเริ่มกิจการอาจจะไปทำสัญญาอะไรบางอย่างไว้เพื่อประโยชน์ของบริษัท เช่น ไปทำสัญญาเช่าอาคารไว้เพื่อไว้เป็นที่ทำการของบริษัท หรือไปทำสัญญาซื้อวัตถุดิบ หรือจ้างพนักงานไว้ สัญญาเหล่านี้จะยังไม่มีผลผูกพันบริษัท เนื่องจากบริษัทยังไม่ได้จัดตั้ง ผู้ริเริ่มกิจการยังต้องรับผิดชอบเป็นส่วนตัวอยู่ ดังนั้นจึงต้องนำสัญญาเหล่านี้มาเสนอให้ที่ประชุมตั้งบริษัทอนุมัติ เพื่อจะได้มีผลผูกพันต่อไป
  5. กำหนดค่าตอบแทนแก่ผู้ริเริ่มกิจการ สำหรับกิจการต่างๆ ที่ผู้เริ่มก่อการได้กระทำไปในช่วงก่อนจดทะเบียนบริษัท โดยถือว่าเป็นค่าตอบแทนค่าเหนื่อยของผู้เริ่มก่อการ ซึ่งค่าตอบแทนนี้จะต้องอนุมัติโดยที่ประชุมจัดตั้งบริษัท
  6. กำหนดจำนวนหุ้นบุริมสิทธิ (หุ้นที่ได้รับสิทธิพิเศษมากกว่าหุ้นสามัญ เช่น ได้ปันผลมากกว่า หรือหากเลิกกิจการก็จะมีสิทธิได้ทรัพย์สินก่อน แต่ผู้ถือหุ้นประเภทนี้จะไม่มีสิทธิในการออกเสียงหรือรับแต่งตั้งเป็นกรรมการบริษัท) หรือหุ้นสามัญที่ชำระด้วยอย่างอื่นนอกจากตัวเงิน บางบริษัทอาจจะมีหุ้นบุริมสิทธินอกเหนือจากหุ้นสามัญ หรืออาจจะมีหุ้นสามัญแต่เพียงอย่างเดียว แต่มีบางส่วนที่ชำระด้วยอย่างอื่นนอกจากตัวเงิน ในกรณีเช่นนี้ก็ต้องมาทำความตกลงอนุมัติในที่ประชุมตั้งบริษัทนี้เช่นกัน


คณะกรรมการจะทำหน้าที่เก็บเงินชำระค่าหุ้นอย่างน้อย 25% ของราคาจริง เมื่อเก็บค่าหุ้นได้ครบแล้ว กรรมการก็จะเป็นผู้จัดทำคำขอจดทะเบียนตั้งบริษัทแล้วยื่นจดทะเบียนต่อนายทะเบียนภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่มีการประชุมจัดตั้งบริษัท ถ้าไม่จดทะเบียนภายในกำหนดเวลาดังกล่าวจะทำให้การประชุมตั้งบริษัทเสียไป ต้องจัดประชุมผู้จองซื้อหุ้นใหม่อีกครั้ง

ค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนตั้งบริษัท คิดตามทุนจดทะเบียนแสนละ 500 บาท ขั้นต่ำ 5,000 แต่ไม่เกิน 250,000
ค่าธรรมเนียมต่างๆในขั้นตอนการดำเนินการมีดังนี้
  1. ค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ คิดจากจำนวนทุนแสนละ 50 บาท เศษของแสนให้คิดเป็นแสนบาทเลย ทั้งนี้ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำอยู่ที่ 500 บาท และขั้นสูงคือ 25,000 บาท
  2. ค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนตั้งบริษัท คิดตามทุนจดทะเบียนแสนละ 500 บาท แต่ขั้นต่ำต้องไม่น้อยกว่า 5,000 บาท และขั้นสูงไม่เกิน 250,000 บาท (เศษของแสนคิดเป็นแสนเช่นเดียวกับค่าลงทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ)
  3. หนังสือรับรอง ฉบับละ 200 บาท
  4. ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน ฉบับละ 100 บาท
  5. รับรองสำเนาเอกสาร หน้าละ 50 บาท
  6. รับใบสำคัญและหนังสือรับรอง
เมื่อนายทะเบียนรับจดทะเบียนและมอบหนังสือรับรองแล้ว ก็เป็นอันว่าบริษัทได้จัดตั้งขึ้นอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีสิทธิและหน้าที่ต่างๆ โดยสมบูรณ์ทุกประการ
เดิมขั้นตอนการดำเนินการทั้งหมดจะกินเวลาไม่ต่ำกว่า 9 วัน แต่หลังจากวันที่ 1 กรกฎาคม 2551 เป็นต้นมา กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ปรับปรุงประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยหุ้นส่วนบริษัทในบางประเด็น ว่า ‘หากการประชุมตั้งบริษัทมีผู้เริ่มก่อการและผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นทุกคนเข้าร่วมประชุมและให้ความเห็นชอบในกิจการที่ได้พิจารณาในที่ประชุมนั้น ผู้เริ่มก่อการสามารถจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิและจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทพร้อมกันภายในวันเดียวกันได้’
จากการปรับปรุงกฎหมายที่ว่า ทำให้การดำเนินการมีความสะดวกและรวดเร็วขึ้น และถ้าหากดำเนินการด้วยตนเองก็จะยิ่งใช้เวลาน้อยลงไปอีกเพราะไม่ต้องเสียเวลาติดต่อประสานงานกับบริษัทว่าจ้างจัดตั้งบริษัท อ่านมาถึงตรงนี้แล้วก็อย่าลืมลองนำ 7 ขั้นตอนนี้ไปใช้เพื่อช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งบริษัทของคุณดู

ความรู้ทั่วไปแนวคิด

แนวคิดธุรกิจ SME1. เดินให้เร็วกว่าคู่แข่ง 1 ก้าว แม้ว่าแนวคิดนี้จะแนะนำให้เดินนำหน้าคู่แข่ง 1 ก้าว แต่ว่าการเดินนำล้ำหน้าคนอื่นหลาย ๆ ก้าวก็จะดีไม่น้อยเลยทีเดียว ดังนั้นธุรกิจที่ต้องการประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วจะต้องตั้งปณิธานและกำหนดนโยบายด้านต่าง ๆ เพื่อปลูกฝังให้พนักงานทุกคนในองค์กรมีแนวคิดในการทำงานที่ล้ำหน้าคู่แข่งอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะมีหน้าที่ใดในองค์กรจะต้องมีความคิดสร้างสรรค์และความตั้งใจในการทำงานเพื่อให้มีผลงานใหม่ ๆ ให้คู่แข่งตาค้างเสมอ โดยเฉพาะความล้ำหน้าในสิ่งที่มองเห็นและจับต้องได้ จะเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าองค์กรของคุณเป็นผู้นำในธุรกิจนั้น ๆ หรือไม่หากธุรกิจใดก็ตามไม่ได้มีเป้าหมาย ในเรื่องนี้ที่ชัดเจน ก็ต้องตกอยู่ในภาวะจำยอมเป็นผู้ตามคนอื่นเสมอ ลองคิดดูว่าการเป็นผู้ตามในตลาดใดตลาดหนึ่ง ย่อมทำให้เกิดความสูญเสียเชิงการตลาดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่สำคัญมีข้อแนะนำว่าการเป็นผู้นำเพื่อให้คนอื่นวิ่งตามนั้น คุณจะ ต้องวิ่งหนีคนอื่นอยู่ตลอดเวลา เนื่องจาก สิ่งที่ทำ ๆ กันก็จะมีคู่แข่งทำตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อถึงเวลาที่ใครก็ตามเติบโตจนกลายเป็นผู้นำก็จะกลายเป็นคนที่ขี่หลังเสือที่ต้องระวังอยู่ตลอดเวลา มิให้ ตกจากหลังเสือ 2.สร้างจุดเด่นให้เห็นความแตกต่าง ข้อนี้ก็สืบเนื่องจากการเป็นผู้นำในข้างต้น เพราะถ้าต้องยืนอยู่ในตำแหน่งผู้นำตลาด สิ่งสำคัญจะต้องสร้างจุดเด่นด้านต่าง ๆ เพื่อให้แตกต่างจากสิ่งที่มีอยู่ในตลาด โดยทั่วไปแล้วผู้ประกอบการจะให้ความสำคัญกับความแตกต่างด้านผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ความเป็นผู้นำจะต้องมีความแตกต่างในทุก ๆ ด้านที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เช่น การให้บริการ การพัฒนาบุคลากร ภาพลักษณ์ขององค์กร ฯลฯอย่างไรก็ตาม เห็นว่าการสร้างความแตกต่างนั้นมีการพูดกันบ่อยมาก แต่จะทำให้ชัดเจนได้มากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นและตั้งใจของแต่ละคน ที่สำคัญไม่ควรใช้มุมมองของตนเองมองความแตกต่าง แต่ต้องให้ลูกค้าเป็นคนตัดสินใจว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นแตกต่างหรือเหมือนกับชาวบ้าน ซึ่งจะส่งผลต่อความ ล้มเหลวและความสำเร็จต่อธุรกิจนั้นๆ 3.คิดและทำในสิ่งที่เป็นไปได้ มีข้อแนะนำว่าผู้ที่จะประสบความสำเร็จนั้นไม่ควรคิดเล็กแล้วทำใหญ่ หรือคิดใหญ่หรือทำเล็กเหมือนอย่างที่คนอื่น ๆ เขาทำกัน แต่ควรทำในสิ่งที่เป็นไปได้และเกิดประโยชน์ต่อลูกค้าและธุรกิจ เนื่องจากมีผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยเลยที่ทำในสิ่งที่เกินกำลัง ผลที่ตามมาก็คือ ไปไม่ไหวก็ต้องพับเสื่อกลับบ้านเก่าไป รวมทั้งผู้ที่ทำในสิ่งที่อยู่ในฝัน ผลที่ตามมาก็คือ ความฝันย่อมเป็นความฝันอยู่เสมอ แต่การทำธุรกิจในยุคนี้จะต้องทำในสิ่งที่เป็นไปได้ และตรงกับความต้องการของลูกค้า เพราะสิ่งที่ลูกค้าต้องการถือว่าเป็นปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจไปสู่ความสำเร็จ ดังนั้นอย่าคิดทำในสิ่งที่คนอื่นเขาทำแต่เราไม่สามารถทำได้อย่างเด็ดขาด แต่จงคิดและทำในสิ่งที่เป็นไปได้ ที่สำคัญลูกค้าต้องยอมรับได้ด้วย 4.การบริหารภาพลักษณ์ สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ทุกธุรกิจจำเป็นต้องทำก็คือ การบริหารและจัดการเรื่องภาพลักษณ์ ของธุรกิจให้เป็นผู้ที่ยอมรับของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เพราะหากเป็นผู้นำ สร้างสรรค์ให้แตกต่าง และทำในสิ่งที่เป็นไปได้ แต่ลูกค้าไม่ยอมรับเพื่อสร้างปัญหาให้สังคมในด้านใดด้านหนึ่งก็ไม่ส่งผลดีต่อองค์กรเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากการทำธุรกิจในยุคการสื่อสารไร้พรมแดน สิ่งที่เป็นผลลบและผลบวกสามารถกระจายข่าวได้อย่างรวดเร็วมาก ดังนั้นภาคธุรกิจต่าง ๆ จำเป็นต้องให้ความสำคัญเรื่องการบริหารภาพลักษณ์ให้ดูดีอยู่เสมอ


ความคิดริเริ่ม ประกอบธุรกิจส่วนตัว เพื่อเตรียมจดทะเบียนบริษัท

"สำหรับใครหลายๆคนที่กำลัง มีความคิดที่จะ ประกอบธุรกิจส่วนตัว ด้วยเนื่องอาจมีเหตุผล เช่น มีเพื่อนเป็น จัดซื้อ มี คนรู้จักที่จะคอยหยิบยื่นงาน ออกมาให้ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีโดยที่เราไม่ได้นับการเริ่มต้นทำธุรกิจ จาก 0 อาจจะเริ่มนับ ที่ 2,3,4,5 เลย แต่อย่าลืมว่าเราเองก็ต้องรู้จักการหา ลูกค้าได้ด้วยตัวเอง เพราะสักวัน เราอาจไม่ได้รับการสนับสนุน จาก เพื่อนหรือคนรู้จักแต่เราจะต้องยืนได้ด้วย ความสามารถของเรานะครับ การที่จะมีบริษัท การจดทะเบียนบริษัท นั้นไม่ใช้เรื่องยาก เอกสารครบ ผู้ก่อตั้งลงนามเรียบร้อย วันเดียวก็สามารถ จดทะเบียนบริษัท ได้แล้ว ไม่ยากเลย แต่การจะดูแล บริหาร ให้บริษัทเราคงอยู่ได้นั้น ต้องอาศัย ความอดทน ความสามารถ ในการแก้ปัญหา จิตใจที่เข้มแข็ง เวลาที่คุณเจออุปสรรค ต้องไม่ย่อท้อ หรือหนี้ปัญหา ไม่เช่นนั้นคุณก็จะไม่ต่างอะไร กับผู้ที่มีความคิดเป็นลูกจ้าง เราต้องแลก ทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้ง เวลา ความคิด แรงกายแรงใจ ความทุ่มเท เพื่อธุรกิจเราเอง ขยันก็ได้เรา ขี้เกียจก็ได้เราไม่มีใครบังคับ สุดท้าย ผู้บริหารที่ดี คือ ผู้ที่แก้ปัญหาได้เก่ง ทุกปัญหามีทางออกเสมอ แต่ใครที่จะหาทางออกที่ดีที่สุดให้ กับ กิจการของตัวเองได้ดีกว่ากัน"
ส่วนใครที่เป็นลูกจ้าง พนักงานประจำ ผมแนะนำว่าคุณควรจะมีความคิดบวก คิดดีทำงานที่ตัวเองได้รับมอบหมาย ให้ดีที่สุด รีบเก็บเกี่ยวประสบการณ์ รายละเอียด จากงานที่ทำให้เร็วที่สุด ทุกคนต้องการเจริญก้าวหน้าทางหน้าที่กันทุก คน เราจึงจำเป็นต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เรียกว่า การลงทุนกับตัวเอง คนเก่ง คนดี คนทุ่มเทกับงาน ย่อมเป็นที่หมาย ปองต้องการของนายจ้างเสมอ ไม่ใช้มัวแต่คิดลบ เช่น ทำไม่เจ้าของได้เยอะ เราได้แค่เนี๊ย เราจะมองเห็นแค่ด้านเดียว ผมจะบอกว่าเวลานายจ้างเสียหาย หรือขาดทุนเค้าไม่บอกคุณหรอกครับ เราจะมองเห็นว่าเค้ากำไรเยอะ เป็นไงครับ พอ รู้กำไรเยอะ ก็อยากทำเอง แล้วก็ล้มไม่เป็นท่า จะกลับมาหานาย ก็ไม่กล้าสู้หน้า เอาไว้ให้พร้อมนะครับ แล้วมาติดต่อ จาก บริษัท ชลธี บิสซิเนส กรุ๊ป จำกัด จดทะเบียนบริษัทให้ ผมยินดีให้คำปรึกษา ทุกอย่างที่คุณควรจะทราบ
บริษัท ชลธี บิสซิเนส กรุ๊ป จำกัด เป็นผู้ให้บริการรับจดทะเบียนบริษัท ทั่วประเทศ อาธิ เช่น รับจดทะเบียนบริษัท สมุทรปราการ รับจดทะเบียนบริษัทสมุทรสาคร รับจดทะเบียนบริษัทสมุทรสงคราม รับจดทะเบียนบริษัทปทุมธานี รับ จดทะเบียนบริษัทนนทบุรี รับจดทะเบียนบริษัทนครปฐม รับจดทะเบียนบริษัทอยุธยา รับจดทะเบียนบริษัทชลบุรี รับ จดทะเบียนบริษัทระยอง รับจดทะเบียนบริษัทสระบุรี รับจดทะเบียนบริษัทนครนายก รับจดทะเบียนบริษัทปราจีนบุรี รับจดทะเบียนบริษัท ฉะเชิงเทรา รับจดทะเบียนบริษัทราชบุรี

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโปรโมชั่น




พิเศษ !!!  สำหรับลูกค้าจดทะเบียนใหม่และทำบัญชี
  • ฟรี เว็บไซต์ สำหรับบริษัทพร้อมแนะนำการทำตลาดออนไลน์
  • ฟรี ออกแบบโลโก้บรษัท
  • ฟรี รูปแบบใบส่งสินค้า ใบแจ้งหนี้ ใบกำกับภาษี ใบเสร็จรับเงินและเอกสารสำคัญอื่นๆ
  • ฟรี ขึ้นทะเบียน ระบบ E-FILING เพื่อใช้นำส่งงบการเงินกับกระทรวงพาณิชย์
  • ฟรี จดทะเบียน ภ.อ.01 เพื่อใช้ยื่นภาษีผ่าระบบออนไลน์
  • ฟรี จัดเตรียมเอกสารขึ้นทะเบียน E-GP (ระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ)
  • ฟรี ที่ปรึกษาด้านการตลาดและบริหารธุรกิจ
ความคิดริเริ่มประกอบธุรกิจส่วนตัวเพื่อเตรียมจดทะเบียนบริษัท
"สำหรับใครหลายๆคนที่กำลัง มีความคิดที่จะประกอบธุรกิจส่วนตัว ด้วยเนื่องอาจมีเหตุผล
เช่น มีเพื่อนเป็นจัดซื้อมีคนรู้จักที่จะคอยหยิบยื่นงาน ออกมาให้ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีโดยที่เรา
ไม่ได้นับการเริ่มต้นทำธุรกิจ จาก 0 อาจจะเริ่มนับ ที่ 2,3,4,5 เลย แต่อย่าลืมว่าเราเองก็ต้อง
รู้จักการหาลูกค้าได้ด้วยตัวเอง เพราะสักวัน เราอาจไม่ได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนหรือคนรู้
จักแต่เราจะต้องยืนได้ด้วยความสามารถของเรานะครับ การที่จะมีบริษัท การจดทะเบียนบริษัท
นั้นไม่ใช้เรื่องยาก...อ่านต่อ"
  • รับจดทะเบียน: บริษัทจำกัด, ห้างหุ้นส่วนจำกัด, ใบทะเบียนพาณิชย์, มูลนิธิ, สมาคม, จดภาษีมูลค่าเพิ่ม
  • , ขึ้นทะเบียนประกันสังคม ฯลฯ
  • จดแก้ไขเปลี่ยนแปลง: จดแจ้งย้ายที่ตั้งบริษัท จดเพิ่มสาขา จดเปลี่ยนตราสำคัญ จดเปลี่ยนชื่อ จดกรรมการ 
  • เข้า-ออก จดเพิ่มทุนจดทะเบียน จดแก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ ฯลฯ
  • จดทะเบียนเกี่ยวกับสินค้า: จดเครื่องหมายการค้า จดสิทธิบัตร จดลิขสิทธิ์
  • งานวางระบบ: ระบบบัญชี ระบบสต๊อกสินค้า บัญชีต้นทุนการผลิต วางแผนชำระภาษีให้ถูกต้องตามที่กฎหมาย
  • กำหนด
  • งานจัดทำบัญชี: รับทำบัญชีรายเดือน บัญชีเงินเดือน ปิดงบการเงิน จัดทำงบเพื่อส่งผู้บริหาร โดยผู้ทำบัญชี
  •  (CPD)
  • งานตรวจสอบ: รับตรวจสอบภายใน ตรวจงบการเงิน โดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาต (CPA)
บริการงานด้าน จัดอบรมสัมนาเชิงวิชาการ